(Burnout) ''ภาวะหมดไฟในการทำงาน"

Burnout ไม่ใช่แค่ต้องรอรู้สัญญาณก่อนสายเพื่อความสุขที่เกิดขึ้น

ยุคที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นการทำงานภายใต้ความกดดันและความจำเป็นสูงในการพิจารณาแต่รู้ไหมว่า...มีกลุ่มอาการหนึ่งที่ส่งผลต่อพนักงานมากกว่า 20% และในองค์กรที่มีวัฒนธรรมการควบคุมต่ำตัวเลขนี้ยิ่งมากขึ้นไปอีก

ค้นพบว่าสาเหตุของอาการนี้คือ “ความเครียดอย่างต่อเนื่องในโรงงานที่ผู้ผลิตระบบควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ” หากปล่อยไว้นานโดยไม่ดูแลให้ถูกจุดตรวจสอบแต่จะสุขภาพของสุขภาพของพนักงาน แต่จะทำลายวัฒนธรรมองค์กรและควบคุมการทำงานของระบบ

ประเด็นที่ให้ความสำคัญคือ “ภาวะหมดไฟในการทำงาน” (Burnout) ในกรณีที่มีความ สำคัญที่สำคัญที่ทั้ง HR และผู้นำองค์กรยุคใหม่ต้องใส่ใจเพราะไม่ใช่แค่เรื่องของ ความสะท้อนถึงคุณภาพ EVP (Employee Value Proposition) ที่องค์กรให้กับพนักงานด้วย 

โดยทั่วไปแล้วภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout)?

ยุคที่การทำงานมักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมักจะควบคุมชีวิตบ่อยครั้งในภาวะความเป็นผู้นำหมดไฟที่ทำให้เกิดเรื่องที่เห็นได้ชัดได้บ่อยเกิดขึ้นได้กับทุกคนเพราะเหตุที่ตั้งใจหรือขาดความสามารถ แต่เพราะความเครียดสะสมที่ความเข้มข้นของการจัดการ

ความถี่ที่อาจมีประสบการณ์กับภาวะนี้แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยที่มักจะเป็นสาเหตุหมดไฟ ()

  • การควบคุมงานหรือเวลาของตัวเองได้น้อยลง

  • ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงงานของตัวเอง

  • ผู้นำในบทบาทหรือเป้าหมายของงานที่ทำอยู่

  • การสื่อสารไม่ชัดเจนกับผู้บริหารหรือหัวหน้างาน

สาเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยไม่มีพื้นที่ให้พนักงานรู้สึกถึงคุณค่าหรือการสนับสนุนที่อาจทำให้เกิดความรู้สึกหมดแรงท้อแท้และขาดการรับประทานอาหาร

การเข้าใจถึงภาวะผู้นำหมดไฟจำเป็นต้องก้าวแรกที่สำคัญคือการทำงานที่ช่วยให้เราช่วยให้ทั้งตัวบุคคลและทีมงานสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง


ภาวะหมดไฟเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน?

ประสบการณ์ในองค์กรจะไม่ปรากฏให้เห็นมากนักในความหลากหลายของอุตสาหกรรมที่มีพนักงานจำนวนมากควบคุมการควบคุมว่า

คุณภาพวัฒนธรรมองค์กรที่มีความเชื่อมโยงกับระดับของภาวะหมดไฟกับพนักงาน

  • โดยปกติแล้วพนักงานจะพิจารณา 22% หรือมากกว่า 1 ใน 5 คนมีภาวะหมดไฟในการทำงานและอัตรานี้ยังคงทรงตัวตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

  • ในองค์กรที่มีวัฒนธรรมการเคลื่อนไหวสูง (เช่น ยึดถือความคิดเห็นอย่างสม่ำเสมอ และสม่ำเสมอในการสื่อสาร) มีพนักงานเพียง 16% ที่ทัศนคติของผู้นำหมดไฟ

  • องค์กรที่มีวัฒนธรรมการควบคุมต่ำมักจะพบว่า 27% ของพนักงานกำลังพบกับภาวะนี้

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือพนักงานในองค์กรที่วัฒนธรรมไม่เอื้อต่อการมองเห็นอย่างเห็นได้ชัดจะหมดไฟทำงานได้เกือบ 2 การควบคุมองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความเชื่อมั่นระหว่างกัน

ข้อมูลนี้สะท้อนให้ความเห็นภาวะหมดไฟไม่ใช่แค่ปัญหาส่วนบุคคลที่สัญญาณที่เชื่อมโยงถึงโครงสร้างและบรรยากาศภายในองค์กร การจัดการและป้องกันได้หากเริ่มต้นจากการสร้างวัฒนธรรมและมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ภาวะความเป็นผู้นำหมดไฟโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยไม่สนใจ

ภาวะหมดไฟในการทำงานไม่ได้ส่งผลเฉพาะกับตัวพนักงานที่จิตใจอยู่เท่านั้น ส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสเปกตรัมและการควบคุมโดยรวม

เมื่อพนักงานรู้สึกหมดจดอย่างเป็นทางการ

  • ลาออกจากงานอีกครั้ง

  • ส่งผลต่อบรรยากาศและวัฒนธรรมในที่ทำงาน

  • มีประสิทธิภาพในการลดความเร็ว

การเปลี่ยนแปลงรูปแบบด้านการรักษาด้วยวิธีนี้ (Retention) คุณจะต้องคำนึงถึงต้นทุนเพิ่มเติม เช่น:

  • ค่าใช้จ่ายในการหาข้อมูลและฝึกอบรมพนักงานใหม่

  • ประสิทธิภาพโดยรวมจะลดลง

  • ส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อทีมงานอื่น ๆ และวัฒนธรรมที่ทันสมัย

กังวลคือพนักงานที่สังเกตเห็นสภาวะหมดไฟอาจเกิดขึ้นแรงสะท้อนให้เห็นต่อวัฒนธรรมองค์กรซึ่งแสดงถึงความแพร่หลายของผลลัพธ์ของพนักงานธุรกิจและการประท้วง

ภาวะความเป็นผู้นำหมดไฟกำลังคิดว่าจะเกิดขึ้นกับสุขภาพใจและคุณภาพชีวิตของพนักงานอย่างต่อเนื่องในขณะที่กำลังประกาศกลุ่มเป้าหมายและชื่อเสียงขององค์กรในการล่องเรือสู่ความสำเร็จอย่างเงียบๆ เช่นกัน

จะรู้ได้อย่างไรว่า “ภาวะหมดไฟ” ตามเส้นทางการเดินทางของคุณ

หากองค์กรต้องรอพนักงานที่หมดไฟเป็นฝ่ายเดินเข้ามาบอกเองว่า “กำลังรู้สึกไม่ค่อยได้ยิน” อาจประเมินสถานการณ์ด้านล่างเพราะเหตุนั้นพนักงานเองก็อาจไม่ระบุว่ากำลังเผชิญกับภาวะหมดไฟอยู่

ภาวะนี้ไม่มีรูปแบบการตายของตัวและมักจะมีลักษณะเช่นเฉื่อยชาในการขาดหรือรู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เคยมีความหมาย

จากการรวบรวมจากประสบการณ์ในองค์กรต่าง ๆ พบว่ามีประเด็นสำคัญ 9 ข้อที่เครื่องมือช่วยในการสังเกตและติดตามภาวะหมดไฟในประสิทธิภาพการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

  • ในกรณีที่พนักงานสามารถตอบ “ผู้ดูแล” ต่อขยี้ตา 7 ข้อจาก 9 ข้อร้องเรียนส่วนใหญ่และองค์กรกำลังตรวจสอบจากภาวะหมดไฟได้ดี

  • แต่หากตอบ “ผู้ให้บริการ” โดยทั่วไป 6 ข้อหรืออาจบ่งบอกถึงการตอบสนองต่อภาวะหมดไฟในการทำงานแล้ว

เมื่อเปรียบเทียบกันพบว่าพนักงานจะหมดไฟจะแสดงให้เห็นถึงความมีประสิทธิภาพต่อองค์กร สืบค้นและประสิทธิภาพการทำงานของกลุ่มข้อมูลระบบควบคุมในที่ที่ทำหน้าที่สืบเนื่อง...

ดังนั้นการมีระบบหรือการดำเนินการในความคิดเห็นความเป็นอยู่ของพนักงานอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ทราบความเท่าเทียมกันของภาวะหมดไฟเป็นเวลานานว่าองค์กรใส่ใจสุขภาพใจของคนทำงานในองค์กร

เมื่อ “ภาวะหมดไฟ” สะท้อนผ่านเสียงของพนักงาน

เมื่อพนักงานรู้สึกหมดไฟในบางครั้งอาจมองข้ามหรือสื่อสารที่แตกต่างกันมักจะสะท้อนถึงสภาวะทางจิตใจที่มองข้ามได้

จากวรรณกรรมเชิงลึกพบว่าพนักงานที่เผชิญภาวะความเป็นผู้นำหมดไฟมักจะถามคำถามว่า “ในกรณีที่นี่คือสถานที่ทำงานที่ดี” พนักงานทั่วไปถึง 25% และร้านอาหารไม่ตอบเลยไปจนถึงการตอบรับก็อาจจะใช้ถ้อยคำอย่าง “เหมือนเช่นกับสิ่งล่อใจ” หรือที่เปรียบเปรยถึงความรู้สึกถูกผูกมัดโดยไม่มีทางเลือก

บางครั้งอาจสงสัยว่า “อะไรที่เป็นจุดเด่นที่นี่มัลติฟังก์ชั่นทำงาน” กลับพบว่าพนักงานกลุ่มที่หมดไฟใช้คำมากกว่าคนอื่นถึง 71% ของถ้อยคำที่สะท้อนถึงปัญหาเชิงลึก เช่น:

  • กลัวว่าจะเป็นแบบนั้น

  • พบกับพฤติกรรมย่ำอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา

  • อาจถูกกลั่นกรอง

  • การปฏิบัติ

  • เพื่อให้เลิกประโยชน์เฉพาะกลุ่ม

ในกรณีที่มองเราลึกลงไปในข้อมูลเชิงปริมาณ (เช่น บันทึกคำตอบ) และข้อมูลเชิงคุณภาพ (เช่น ภาษาที่ใช้หรือความรู้สึกที่เก็บข้อมูลอยู่) จากที่พนักงานมักจะมองเห็นภาพเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับของภาวะหมดไฟในองค์กร

การเข้าใจมุมมองของมุมมองดังกล่าวแต่ช่วยระบุปัญหาที่ชัดเจนในจุดเริ่มต้นในวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นพื้นที่ที่คนรู้สึกปลอดภัยต่อคุณค่าที่เกิดขึ้นและอยากเติบโตไปพร้อมกับทีมอย่างยั่งยืน

วิธีป้องกันภาวะหมดไฟในพนักงาน

การสังเกตและระบุสัญญาณของภาวะความเป็นผู้นำหมดไฟให้ได้ตั้งแต่ต้นถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาวะความเป็นผู้นำอย่างยั่งยืนแต่ข่าวดีก็คือ... ภาวะหมดไฟสามารถป้องกันได้ในกรณีที่องค์กรมีความเข้มข้นและลงมือปรับปรุงอย่างมาก

ก็สามารถเริ่มทำได้ทันทีเช่นกัน

  • สร้างวัฒนธรรมที่กว้างและไว้วางใจได้เพื่อให้พนักงานกล้าได้ถึงความรู้สึกและขอความช่วยเหลือเมื่อต้องการ

  • ผู้ประกอบการจะมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันและความเครียดสะสมและถูกกดดันตลอดเวลา

  • รับฟังเสียงของพนักงานอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ

  • ผู้นำให้เข้าใจและจัดการสัญญาณความสม่ำเสมอในทีมอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ติดตามผลอย่างต่อเนื่องแจ้งให้ทราบข้อมูลจริงเป็นฐานในตัวควบคุม

เครื่องมือที่นำไปสู่ภาวะผู้นำการทำงานและความรู้สึกของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้สามารถ "มีความสำคัญ" ส่งผลให้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเป็นผู้นำและการควบคุมบริหารได้อย่างตรงจุด

เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าเสมอและวัฒนธรรมที่ดีเริ่มต้นจากความเข้าใจ

ต่อไป
ต่อไป

แรงบันดาลใจของคน Gen Z ที่จะเลือกใช้กับงาน