ข้อมูลเชิงลึกและความรู้เกี่ยวกับ Best Places to Work และแบบสํารวจการมีส่วนร่วม

เรียนรู้ว่าอะไรทําให้บริษัทของคุณโดดเด่นและวิธีเป็น Employer of Choice สําหรับผู้มีความสามารถที่มีคุณภาพในวงกว้าง

ศิริมะ ภักดีดีบํารุง ศิริมะ ภักดีดีบํารุง

เทคนิคการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดในองค์กรยุคใหม่

การวิเคราะห์บุคคล

การวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากร หรือ People Analytics คืออะไร

การวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากร หรือที่รู้จักกันในชื่อ HR Analytics หรือการวิเคราะห์ข้อมูลแรงงาน คือการใช้กระบวนการที่นำข้อมูลต่าง ๆ มาประมวลผลเพื่อทำความเข้าใจ วัดผล และพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานและการมีส่วนร่วมของพนักงาน รวมถึงความมีประสิทธิภาพโดยรวมในที่ทำงาน การวิเคราะห์นี้ใช้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง เช่น ระบบทรัพยากรบุคคล แบบสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน บันทึกผลการทำงาน หรือแม้แต่เครือข่ายสังคมภายในองค์กร เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มและพฤติกรรมของเหล่าพนักงาน

การวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรนี้ก้าวไปไกลเกินกว่าตัวชี้วัดทางทรัพยากรบุคคลแบบดั้งเดิม โดยใช้วิธีการทางสถิติขั้นสูง Machine Learning และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เพื่อล้วงลึกถึงข้อมูลที่สามารถผลักดันให้เกิดการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้องค์กรเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับแรงงานของตนเองแล้ว ยังทำให้ทราบถึงเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้นและวิธีที่สามารถปรับปรุงผลลัพธ์ได้


ทำไมการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรจึงมีความสำคัญ

1. การตัดสินใจโดยมีข้อมูลรองรับ: การวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรช่วยให้เห็นพื้นฐานตามความเป็นจริงสำหรับการตัดสินใจทางด้านทรัพยากรบุคคล (HR) ลดการพึ่งพาความรู้สึกภายในหรือการคาดเดา จากการวิเคราะห์ข้อมูลนั้น ๆ องค์กรสามารถตัดสินใจโดยมีข้อมูลรองรับมากขึ้นทั้งในด้านการสรรหาจัดจ้าง การเลื่อนตำแหน่ง ค่าตอบแทน และฟังก์ชันสำคัญอื่น ๆ ทางด้านทรัพยากรบุคคล

2. การเพิ่มการมีส่วนร่วมและการรักษาพนักงาน: องค์กรสามารถดำเนินการเชิงรุกเพื่อพัฒนาการรักษาพนักงาน โดยการทำความเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของพนักงานและสัญญาณที่บ่งชี้การขาดการมีส่วนร่วมกับองค์กรในช่วงแรก การวิเคราะห์ข้อมูลพนักงานจะแสดงให้เห็นได้ว่าโครงการใดมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำให้พนักงานมีแรงจูงใจและมีความมุ่งมั่นต่อองค์กร

3. การเสริมสร้างประสิทธิภาพและผลิตภาพ หรือ Productivity: การวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรจะช่วยระบุผู้ที่มีผลการทำงานขั้นสูงและเข้าใจพฤติกรรม รวมถึงสภาพแวดล้อมที่นำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ได้ในกลุ่มพนักงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตในภาพรวมขององค์กร

 4. การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารบุคลากรที่มีความสามารถ: เริ่มตั้งแต่การสรรหาพนักงาน ไปจนถึงการพัฒนาและวางแผนสืบทอดตำแหน่ง การวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกในทุกขั้นตอนของวัฏจักรการทำงานของพนักงาน ซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ว่าบุคลากรที่เหมาะสมจะได้รับการจ้างงาน ได้พัฒนา และรักษาเอาไว้ อีกทั้งยังมีกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคลที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร

 5. การระบุช่องว่างทางด้านทักษะและความต้องการในการฝึกอบรม: การวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรสามารถเน้นให้เห็นจุดที่พนักงานยังขาดทักษะหรือความสามารถบางประการ ข้อมูลนี้มีความสำคัญต่อการออกแบบโปรแกรมการฝึกอบรมและการพัฒนาที่มุ่งเป้าไปที่ความต้องการเฉพาะและเสริมสร้างความสามารถของพนักงาน

 6. การส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของพนักงาน: ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลประชากรและประสบการณ์ของพนักงาน องค์กรจะสามารถระบุสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของพนักงาน ทั้งยังพัฒนากลยุทธ์เพื่อสร้างสถานที่ทำงานที่มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น

 

องค์ประกอบหลักของการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากร

 กลยุทธ์การวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรที่มีประสิทธิภาพประกอบด้วยหลายส่วนสำคัญ ดังนี้

 1. การรวบรวมและบูรณาการข้อมูล: คือการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น ระบบทรัพยากรบุคคล การสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน ตัวชี้วัดผลการทำงาน และเครือข่ายสังคม แล้วรวมข้อมูลเหล่านี้เข้าด้วยกันในแพลตฟอร์มเดียว ชุดข้อมูลที่ครอบคลุมนี้เป็นรากฐานสำหรับการวิเคราะห์อย่างมีเป้าหมาย

 2. การวิเคราะห์และตีความข้อมูล: คือการใช้เทคนิคการวิเคราะห์ขั้นสูง รวมถึงการวิเคราะห์ทางสถิติ Machine Learning และการสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์ เพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งยังรวมถึงการระบุรูปแบบ แนวโน้ม และความสัมพันธ์ที่สามารถช่วยในการตัดสินใจ

3. Dashboard และการรายงาน: คือการสร้าง Dashboard และรายงานที่ใช้งานง่าย โดยสามารถแสดงตัวชี้วัดและข้อมูลเชิงลึกที่สําคัญในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคล และเหล่าผู้จัดการ สามารถติดตามความก้าวหน้า ระบุปัญหา และตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูลได้

 4. การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์: คือการใช้แบบจำลองพยากรณ์เพื่อคาดการณ์แนวโน้มและผลลัพธ์ในอนาคต เช่น การลาออกของพนักงาน ระดับผลการทำงาน และผลคะแนนการมีส่วนร่วมและความผูกพันของพนักงาน การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์นี้จะช่วยให้สามารถดำเนินการเชิงรุกเพื่อจัดการกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาร้ายแรง

 5. ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้: คือการแปลงข้อมูลเชิงลึกเป็นคำแนะนำที่สามารถดำเนินการต่อได้ ซึ่งผลักดันให้เกิดโครงการเชิงกลยุทธ์ของฝ่ายทรัพยากรบุคคล ซึ่งรวมถึงการระบุปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไข รวมถึงการดำเนินการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์

 6. การปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: คือการอัปเดตและปรับปรุงกรอบการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรวบรวมข้อมูล เทคโนโลยี และวิธีการแบบใหม่ การปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ผลการวิเคราะห์ยังคงมีความเกี่ยวข้องและมีประสิทธิภาพในการจัดการกับความท้าทายของแรงงานที่มีการพัฒนาอยู่เสมอ

 

WorkVenture สามารถช่วยในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรได้อย่างไร

 ที่ WorkVenture เราเข้าใจถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรและเสนอทางออกที่ครอบคลุมเพื่อช่วยให้องค์กรของคุณใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่

 และนี่คือวิธีที่เราสามารถช่วยเหลือคุณได้

 1. เครื่องมือการวิเคราะห์ขั้นสูง: ชุดเครื่องมือการวิเคราะห์ของเราประกอบไปด้วยวิธีการทางสถิติขั้นสูง อัลกอริธึม ของ Machine Learning และแบบจำลองเชิงคาดการณ์ เครื่องมือเหล่านี้สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลแรงงานอย่างลึกซึ้ง ซึ่งแสดงให้เห็นข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้

 2. Dashboard และการรายงานที่ปรับตามความต้องการ: เราสร้าง Dashboard และการรายงานที่ปรับแต่งได้ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนและนําไปใช้จริงได้ตามความต้องการขององค์กร
เครื่องมือภาพเหล่านี้ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคลคล และกลุ่มผู้จัดการ สามารถเข้าใจตัวชี้วัดหลักได้อย่างรวดเร็วและตัดสินใจได้โดยมีข้อมูลรองรับ

 3. โซลูชันการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์: โซลูชันการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ของเราสามารถพยากรณ์แนวโน้มและผลลัพธ์ในอนาคตได้ ช่วยให้สามารถวางกลยุทธ์เชิงรุกในด้านทรัพยากรบุคคลได้  คุณสามารถดำเนินการเชิงป้องกันเพื่อจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยการคาดการณ์การลาออก ระดับผลการทำงาน และคะแนนการมีส่วนร่วมของพนักงาน

 4. ข้อเสนอแนะที่นำไปใช้ได้จริง: เราให้ข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่สามารถดำเนินการต่อได้จริง เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ทางด้านทรัพยากรบุคคล ผู้เชี่ยวชาญของเราจะทำงานร่วมกับคุณเพื่อพัฒนาและดำเนินกลยุทธ์ที่สามารถจัดการกับความท้าทายที่ระบุไว้และใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มี

 5. การสนับสนุนและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: เราให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กรอบการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรพัฒนาไปพร้อมกับองค์กรของคุณ แนวทางการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของเราช่วยให้ผลการวิเคราะห์ของคุณมีความเกี่ยวข้องและมีประสิทธิภาพในการจัดการกับความท้าทายใหม่ ๆ ของแรงงาน

 

ข้อดีของการร่วมมือกับ WorkVenture ในการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากร

การร่วมมือกับ WorkVenture เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรของคุณ จะช่วยให้เกิดประโยชน์มากมาย ดังนี้

 1. การตัดสินใจที่ดีขึ้น: ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยชุดข้อมูลสามารถนำไปสู่การตัดสินใจทางด้านทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีข้อมูลรองรับมากขึ้น ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับองค์กรของคุณ

 2. การเพิ่มการมีส่วนร่วมและการรักษาพนักงาน: การทำความเข้าใจปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมและการรักษาพนักงาน จะทำให้สามารถดำเนินการแบบมีเป้าหมาย ทำให้พนักงานมีแรงจูงใจและความมุ่งมั่นต่อองค์กร

 3. การเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพ หรือ Productivit ที่สูงขึ้น: การระบุและสามารถสร้างสภาพแวดล้อมเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ จะช่วยให้ผลการทํางานในภาพรวมขององค์กรดียิ่งขึ้น

 4. การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารทรัพยากรบุคคล: ข้อมูลเชิงลึกในทุกขั้นตอนของวัฏจักรการทำงานของพนักงานช่วยให้กลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคลของคุณสอดคล้องไปกับเป้าหมายขององค์กร

 5. การฝึกอบรมและการพัฒนาอย่างมีเป้าหมาย: การระบุช่องว่างทางทักษะและความต้องการในการฝึกอบรมจะช่วยให้สามารถสร้างโปรแกรมการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานได้

 6. สถานที่ทำงานที่หลากหลายและมีส่วนร่วมกัน: การวิเคราะห์ข้อมูลประชากรและประสบการณ์ของพนักงานช่วยในการพัฒนากลยุทธ์สำหรับสถานที่ทำงานที่เสมอภาคมากขึ้น

 การวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีที่องค์กรบริหารจัดการพนักงานของพวกเขาได้ จากการใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยชุดข้อมูลนี้ บริษัทต่าง ๆ จะสามารถตัดสินใจอย่างมีข้อมูล เพิ่มการมีส่วนร่วมและประสิทธิภาพของพนักงาน และผลักดันให้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ โซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรที่ครอบคลุมของ WorkVenture จะมอบเครื่องมือและการสนับสนุนที่สำคัญต่อการใช้ศักยภาพพนักงานของคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มาร่วมมือกับเราเพื่อแสดงพลังการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรและประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน







อ่านเพิ่มเติม
ศิริมะ ภักดีดีบํารุง ศิริมะ ภักดีดีบํารุง

วิธิคิดตลอดเวลาที่สร้างสรรค์

วิทยาศาสตร์ผู้คน

วิธิคิดที่นำพาวิทยาศาสตร์ออกไปทางด้าน People Science มาใช้งาน

People Science เป็นการควบคุมสหวิทยาการที่รวมเอาความรู้ทางจิตวิทยา Data Science และทรัพยากรบุคคลในการรับรู้พลวัตในที่ทำงาน องค์กรจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร และพนักงานด้วยการใช้ทรัพยากร การตรวจสอบและการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นบางครั้งช่วยให้บริษัทพัฒนาแผนธุรกิจที่สร้างสรรค์ซึ่งจะเพิ่ม ผลผลิต และการตรวจสอบของพนักงานสร้างโครงสร้างการทำงานและเติมเต็มใน...

People Science สามารถก้าวข้ามวิธีการทางทรัพยากรบุคคลแบบเดิมที่ค้นคว้าวิจัยขั้นสูงและเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อวิเคราะห์และอธิบายในองค์กรต่างๆ ซึ่งรวมถึงการเข้าร่วมและวิเคราะห์ข้อมูลแหล่งต่าง ๆ หมายถึงความคิดเห็นของ พนักงานมองว่าประสิทธิภาพและดูเป็นหลักเพื่อดูรูปแบบและการควบคุมการตัดสินใจได้กลุ่มเป้าหมาย เช่น People Science คือการสร้างและการทำงานที่พนักงานสามารถเติบโตและระดับการควบคุมดูแลพนักงาน และการทำงานของพนักงานได้ ความสำเร็จของสิ่งนี้

มาทําความรู้จักโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ ของ People Science

สิ่งสำคัญหลักที่ประสบความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับการสืบค้นที่เน้นความสามารถไปที่สิ่งที่มีค่าที่สุดนั่นคือพนักงานนั่นเองการควบคุม People Science ของเราเน้นระบุและส่วนประกอบ เพื่อการค้นคว้าวิจัยล่าสุดและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าว
ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจะได้รับเมื่อมีการค้นพบที่เพิ่มขึ้นด้วยวิทยาศาสตร์ของเรา

 
1. ระบุความท้าทายทางวัฒนธรรม: การระบุและจัดการกับปัญหาทางวัฒนธรรมภายในองค์กรอาจดูเป็นเรื่องท้าทาย โซลูชัน People Science ของเราใช้การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงและงานวิจัยทางจิตวิทยา เพื่อระบุความท้าทายทางวัฒนธรรมโดยเฉพาะ เช่น อุปสรรคในการสื่อสาร การขาดความไว้วางใจ หรือค่านิยมที่ไม่สอดคล้องกัน เมื่อระบุปัญหาเหล่านี้ได้ เราจึงสามารถเสนอแนวทางแก้ไขที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น

 2. เพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน: การทำความเข้าใจสิ่งที่กระตุ้นและทำให้พนักงานมีส่วนร่วมเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาพนักงานที่มีประสิทธิภาพ People Science ใช้ข้อมูลเชิงลึกทางจิตวิทยาเพื่อค้นหาปัจจัยที่ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของพนักงาน องค์ความรู้นี้ช่วยให้องค์กรสามารถออกแบบกลยุทธ์ที่เพิ่มความพึงพอใจในงาน ลดการลาออกของพนักงาน และพัฒนาผลการทำงานโดยรวมได้

3. พัฒนาประสิทธิภาพและ Productivity: People Science จะช่วยให้องค์กรสามารถระบุสภาวะที่จะช่วยให้ผลการทํางานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการทํางานและรูปแบบพฤติกรรม ซึ่งมูลนี้สามารถใช้สร้างแนวทางปฏิบัติที่ประสบความสําเร็จขึ้นมาในรูปแบบเดิมในกลุ่มของพนักงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน และสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้มีการทํางานในระดับสูงขึ้น

4. ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่: วัฒนธรรมองค์กรที่ดีและโอบรับความแตกต่างเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ People Science สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการทำงานในด้านต่าง ๆ ที่จะมีผลกระทบต่อความคิดสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกัน องค์กรสามารถสร้างวัฒนธรรมที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยการจัดการกับปัจจัยเหล่านี้

5. สนับสนุนความหลากหลายและการโอบรับความแตกต่าง: People Science ช่วยให้องค์กรเข้าใจพลวัตของความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่างในสถานที่ทำงาน การวิเคราะห์ข้อมูลประชากรและประสบการณ์ของพนักงานจะทำให้เราสามารถระบุอุปสรรคที่มีต่อการโอบรับความแตกต่าง และพัฒนากลยุทธ์เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เท่าเทียมมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความพึงพอใจของพนักงานแล้ว ยังช่วยผลักดันให้ผลลัพธ์ทางธุรกิจดีขึ้นกว่าเดิมด้วย

ทำความเข้าใจด้วยการวิจัยและ Data Science

การควบคุมการทำงานของ People Science ของเราคือการควบคุมการวิจัยและ Data Science เพื่อตรวจสอบพื้นฐานจากส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับพนักงานที่ให้มากที่สุดจะเกิดความเข้าใจอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการควบคุมในโรงงานกับส่วนประกอบกับ วิธีการของเราจากข้อมูลต่อไปนี้

1. การสอบสวนอย่างมีประสิทธิภาพ: เราจะอธิบายได้จากแหล่งต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไปโดยอาศัยความคิดเห็นของพนักงานเพื่อดูผลการทำงานออแกนิกของเซิร์ฟเวอร์วิธีการที่หลากหลายมิติของเราจะช่วยในเรื่องของการทำงาน การทำงานและประสบการณ์ของพนักงานได้อย่างครบถ้วน

2. นักวิทยาศาสตร์ระดับสูง: เราวิเคราะห์รวบรวมมาเพื่อระบุรูปแบบการควบคุมและความสัมพันธ์ในเทคนิค Data Science ที่ทันสมัย
ตรวจสอบของเราเพื่อช่วยสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบของพนักงานและพลวัตหอสังเกตการณ์ที่มีเสถียรภาพต่อประสิทธิภาพของเชิงกลยุทธ์

 
3. ทิศทางจากผู้เชี่ยวชาญ: ทีมงานของเราสามารถรวบรวมประสบการณ์ที่สามารถพบได้ทั่วไป Data Science และทรัพยากรบุคคล และนำข้อมูลสำหรับมาตีความและคำแนะนำในการใช้งานได้จริงเราอาจพูดถึงองค์กรของ คุณจะดำเนินการตรวจสอบความต้องการของเราและเป้าหมายของคุณโดยเฉพาะ

4. การปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: สถานที่ทำงานมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นเดียวกับโซลูชันของเราที่ได้รับปรับปรุงวิธีการและเครื่องมืออย่างต่อเนื่องเพื่อรวมงานวิจัยและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบใหม่ล่าสุด มั่นใจได้ว่าลูกค้าของเราจะได้สิทธิ์เข้าถึงกลยุทธ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับการปรับปรุงสถานที่ทำงาน

5. ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง: แนวทางของเราไปไกลกว่าการวิเคราะห์ข้อมูล หรือ Data Analysis ด้วยการแปลข้อมูลเชิงลึกให้เป็นกลยุทธ์ที่นำไปใช้ได้จริงซึ่งขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เราให้คำแนะนำที่ชัดเจนและนำไปใช้ได้จริง ช่วยให้องค์กรแก้ไขความท้าทายที่แปลกใหม่และบรรลุเป้าหมายของตนเองได้

ประโยชน์ของ People Science ที่มีต่อองค์กรของคุณ

การใช้ People Science จะช่วยให้องค์กรของคุณสามารถเข้าถึงแนวคิดทางธุรกิจที่สร้างสรรค์ซึ่งขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้ทางด้านจิตวิทยาและ Data Science และนี่คือประโยชน์สําคัญที่คุณจะได้รับ

1. การตัดสินใจอย่างมีข้อมูล: ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย Data ให้รากฐานที่มั่นคงต่อการตัดสินใจทั้งทางด้านทรัพยากรบุคคลและธุรกิจ ช่วยลดการพึ่งพาความรู้สึกและการคาดเดา และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและชั้นเชิงกลยุทธ์มากขึ้น องค์กรสามารถระบุเทรนด์และคาดการณ์ความท้าทายในอนาคตได้ ทำให้สามารถดำเนินการเชิงรุกมากกว่าที่จะแก้ไขปัญหาไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า วิธีการที่มีข้อมูลนี้ช่วยให้ทรัพยากรถูกจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพและทำให้โครงการต่าง ๆ สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร

2. ความพึงพอใจของพนักงานที่สูงขึ้น: การทำความเข้าใจสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความพึงพอใจของพนักงานช่วยให้องค์กรสามารถผลักดันโครงการที่มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาประสบการณ์ในการทำงาน นำไปสู่การสร้างขวัญกำลังและความภักดีที่สูงขึ้น รวมถึงสามารถรักษาพนักงานไว้ได้ดียิ่งขึ้น พนักงานที่พึงพอใจมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วม มีแรงจูงใจ และมีประสิทธิผลมากขึ้น นอกจากนี้พวกเขายังมีแนวโน้มที่จะไม่ออกจากองค์กร ซึ่งช่วยลดต้นทุนและความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับอัตราการลาออก บริษัทสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและเกื้อกูลกันได้ด้วยการติดตามและตอบสนองต่อความต้องการของพนักงานอย่างต่อเนื่อง

3. ประสิทธิภาพขององค์กรที่ดีขึ้น: People Science ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเพิ่มคุณภาพการทำงานและประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งหมายความถึงประสิทธิภาพทางการเงินที่ดีขึ้นและความได้เปรียบในการแข่งขันที่แข็งแกร่งมากขึ้น

พนักงานที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงมีส่วนช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ขับเคลื่อนนวัตกรรม และพัฒนาความพึงพอใจของลูกค้า องค์กรจะสามารถรักษาระดับความเป็นเลิศไว้อย่างสม่ำเสมอในทุกแผนกได้ด้วยการระบุและสร้างสภาวะแบบเดิมขึ้นมา ซึ่งสภาวะนั้น ๆ คือแนวทางที่นำไปสู่การทำงานอย่างประสิทธิภาพ

 

4. วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งขึ้น: การจัดการกับความท้าทายทางวัฒนธรรมและการส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีจะนำไปสู่วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและมีความเหนียวแน่นมากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความร่วมมือในการทำงาน การสร้างนวัตกรรมใหม่ และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน วัฒนธรรมที่แข็งแกร่งนี้จะช่วยให้พนักงานมีค่านิยมและภารกิจที่สอดคล้องกับของบริษัท สร้างความรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งและมีจุดมุ่งหมาย ทั้งยังดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถสูงเข้ามาในองค์กร เนื่องจากผู้สมัครมีแนวโน้มที่จะเข้าหาองค์กรที่มีชื่อเสียงและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี

5. เพิ่มความหลากหลายและยอมรับความแตกต่าง:
People Science มอบเครื่องมือและข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นต่อการสร้างสถานที่ทำงานที่มีความหลากหลายและโอบรับความแตกต่างของทุกคน ซึ่งไม่เพียงพัฒนาความพึงพอใจของพนักงาน แต่ยังช่วยให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นผ่านมุมมองและไอเดียที่หลากหลาย พนักงานที่มีความหลากหลายมาพร้อมกับมุมมอง ประสบการณ์ และทางออกที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม การรวมกลุ่มกันทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกมีคุณค่าและได้รับความเคารพ ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและความร่วมมือในการทำงาน โดยการขจัดอุปสรรคที่มีต่อความหลากหลายและการใช้แนวทางปฏิบัติที่ไม่แบ่งแยกจะทำให้องค์กรสามารถสร้างทีมงานที่มีพลวัตและความยืดหยุ่นมากขึ้น


 People Science เป็นวิธีที่ทรงพลังโดยรวบรวมงานวิจัยล่าสุดในด้านจิตวิทยาและ Data Science ขึ้นมาเพื่อสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สร้างสรรค์ WorkVenture ช่วยให้องค์กรสามารถระบุและแก้ไขปัญหาทางวัฒนธรรม เพิ่มความมีส่วนร่วมของพนักงาน และพัฒนาประสิทธิภาพโดยรวมได้ด้วยการใช้การรวบรวมข้อมูลที่ครอบคลุม การวิเคราะห์ขั้นสูง และการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ร่วมงานกับเราเพื่อปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของพนักงานของคุณและสร้างโลกการทำงานที่ดีและเติมเต็มมากขึ้น

















 



 













อ่านเพิ่มเติม
ศิริมะ ภักดีดีบํารุง ศิริมะ ภักดีดีบํารุง

ในส่วนของการพัฒนาพนักงาน ยุคทำงานใหม่

การพัฒนาพนักงาน

การพัฒนาบุคคลากรคืออะไร

 การพัฒนาพนักงานเป็นกระบวนการเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และความสามารถของพนักงานเพื่อช่วยให้พวกเขาเติบโตทั้งในด้านส่วนตัวและวิชาชีพ ซึ่งรวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ เช่น โปรแกรมอบรม การให้คำปรึกษา การโค้ช การศึกษาอย่างต่อเนื่อง และโครงการพัฒนาวิชาชีพ จุดมุ่งหมายของการพัฒนาพนักงานคือการเตรียมพนักงานให้พร้อมสำหรับบทบาทหน้าที่ในปัจจุบันและอนาคต เพิ่มความพอใจในตัวงาน และส่งผลดีต่อความสำเร็จโดยรวมขององค์กร

 การพัฒนาพนักงานไม่ใช่เพียงแค่การฝึกอบรม แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมไปถึงโอกาสทางการศึกษาในระบบ เช่น หลักสูตรและการรับรอง ตลอดจนประสบการณ์การเรียนรู้ตามอัธยาศัย เช่น การฝึกปฏิบัติงานจริง การหมุนเวียนการทำงาน และการแบ่งปันความรู้

 การลงทุนในการพัฒนาพนักงานช่วยให้บริษัทสามารถสร้างแรงงานที่มีทักษะและความสามารถในการปรับตัวได้ดีขึ้น ซึ่งพร้อมรับมือกับความท้าทายในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

ทำไมการพัฒนาบุคคลากรจึงมีความสำคัญ

1. เพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน: การจัดหาเครื่องมือและทรัพยากรตามที่พนักงานต้องการเพื่อพัฒนาทักษะของตนเองจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยตรง พนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดีจะมีความสามารถ มีประสิทธิภาพ และความมั่นใจในบทบาทของตนมากขึ้นนำไปสู่ ผลิตภาพ หรือ productivity ที่สูงขึ้นและคุณภาพงานที่ดียิ่งขึ้น

 2. เพิ่มการมีส่วนร่วมและการรักษาพนักงาน: พนักงานที่รู้สึกว่านายจ้างลงทุนกับการพัฒนาพวกเขามักมีแนวโน้มที่จะมีความผูกพันและมุ่งมั่นต่อองค์กรมากขึ้น เมื่อมองเห็นโอกาสในการพัฒนาพนักงานเหล่านี้จะรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและได้รับการชื่นชม ซึ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจในงานและลดอัตราการลาออกได้

 3. ส่งเสริมการสร้างสรรค์และความสามารถในการปรับตัว: ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรต้องการพนักงานที่สามารถปรับตัวและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้ การเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะยิ่งช่วยให้พนักงานก้าวทันเทรนและเทคโนโลยีในอุตสาหกรรม ส่งผลให้พวกเขาสามารถเสนอแนวคิดและแนวทางการแก้ไขใหม่ ๆ ได้

4. สร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีความพร้อม: การพัฒนาพนักงานช่วยในการระบุและพัฒนาผู้นำที่มีศักยภาพภายในองค์กร ด้วยการเตรียมความพร้อมให้พนักงานสำหรับบทบาทในอนาคต บริษัทจะมั่นใจได้ว่ามีกลุ่มบุคลากรที่มีความสามารถที่พร้อมสำหรับตำแหน่งสำคัญ ลดการพึ่งพาการจ้างงานภายนอก

 5. สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท: องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพนักงานมักถูกมองว่าเป็นสถานที่ทำงานที่เป็นที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยสร้างชื่อเสียงของบริษัท ทำให้สามารถดึงดูดบุคลากรชั้นยอดได้ง่ายขึ้นและสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดแรงงาน

วิธีที่ WorkVenture สามารถช่วยในการพัฒนาพนักงาน

ที่ WorkVenture เราตระหนักถึงบทบาทสำคัญของการพัฒนาพนักงานเพื่อสร้างองค์กรที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืน โซลูชันที่ครอบคลุมของเราออกแบบมาเพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาองค์กรของคุณและสร้างวัฒนธรรมของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และนี่คือวิธีที่เราสามารถช่วยได้

กลไกการประเมินและการรับฟังความคิดเห็น: การพัฒนาพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีการประเมินผลและการรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง เราใช้กลไกที่แข็งแกร่งในการประเมินผลกระทบของโครงการพัฒนาเหล่านั้น และรวบรวมข้อเสนอแนะจากพนักงานมาให้คุณ

ประโยชน์จากการร่วมมือกับ WorkVenture ในการพัฒนาพนักงาน

 การร่วมมือกับ WorkVenture จะช่วยให้บริษัทของคุณได้รับประโยชน์มากมายจากโปรแกรมการพัฒนาพนักงานที่มีโครงสร้างที่ดี ยกตัวอย่างเช่น

1. ทักษะและความรู้ของพนักงานที่เพิ่มขึ้น: โซลูชันการฝึกอบรมและการพัฒนาที่ปรับไปตามความต้องการของคุณจะช่วยให้พนักงานในองค์กรได้เพิ่มพูนทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในบทบาทของพวกเขาและมีส่วนร่วมในความสำเร็จของบริษัทอีกด้วย

 2. ความพึงพอใจและการรักษาพนักงานที่ดีขึ้น: เมื่อมองเห็นโอกาสในการพัฒนา พนักงานเหล่านี้จะรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและได้รับการชื่นชม นำไปสู่ความพึงพอใจที่เพิ่มขึ้นและอัตราการลาออกที่ลดลง พนักงานที่พอใจและมุ่งมั่นมีแนวโน้มที่จะอยู่กับบริษัทต่อไปในระยะยาว 

3. ความคล่องตัวขององค์กรที่มากขึ้น: การมีแรงงานที่สามารถปรับตัวและพร้อมรับความท้าทายใหม่ ๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว  โปรแกรมการพัฒนาของเราจะช่วยสร้างแรงงานที่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัว และสามารถจัดการกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. การพัฒนาความเป็นผู้นำ: การระบุและบ่มเพาะผู้นำในอนาคตเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความต่อเนื่องและความสำเร็จขององค์กร โปรแกรมการพัฒนาความเป็นผู้นำของเราจะช่วยเตรียมพนักงานให้พร้อมกับบทบาทหน้าที่ในระดับที่สูงขึ้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าองค์กรมีกลุ่มพนักงานที่มีศักยภาพ

 5. การสร้างแบรนด์นายจ้างในเชิงบวก: บริษัทที่ลงทุนกับการพัฒนาพนักงานมักจะถูกมองว่าเป็นนายจ้างที่น่าร่วมงานด้วย ซึ่งช่วยเสริมสร้างแบรนด์นายจ้างของคุณและทำให้สามารถดึงดูดและรักษาบุคลากรที่ความสามารถได้ง่ายยิ่งขึ้น

 6. การเพิ่มนวัตกรรมใหม่และความสามารถในการแข่งขัน: วัฒนธรรมการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะช่วยส่งเสริมการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และทำให้บริษัทของคุณยังคงความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ได้ พนักงานที่ได้รับการสนับสนุนให้เรียนรู้และเติบโตมักจะเสนอแนวคิดและทางออกใหม่  ๆ อยู่เสมอ


การพัฒนาพนักงานเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนที่มีความสำคัญต่อทั้งพนักงานและองค์กร บริษัทสามารถสร้างแรงงานที่มีความสามารถ ปรับตัวได้ และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

ผ่านการเสริมทักษะ เพิ่มการมีส่วนร่วม และส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โซลูชันการพัฒนาพนักงานที่ครอบคลุมของ WorkVenture จะมอบเครื่องมือและการสนับสนุนที่จำเป็นในการสร้างโปรแกรมพัฒนาที่มีประสิทธิภาพซึ่งผลักดันให้เกิดความสำเร็จ มาร่วมมือกับเราเพื่อปลดล็อกศักยภาพของพนักงานให้เต็มที่และประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างยั่งยืนในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน




































































อ่านเพิ่มเติม
ศิริมะ ภักดีดีบํารุง ศิริมะ ภักดีดีบํารุง

ทำความเข้าใจคุณค่าของพนักงานและความสำคัญขององค์กรคุณด้วย “EVP”

ทําความเข้าใจข้อเสนอคุณค่าของพนักงาน (EVP) และความสําคัญต่อธุรกิจของคุณ

 Employee Value Proposition คุณค่าของพนักงาน (EVP) คืออะไร?

ทุกวันนี้ในตลาดแรงงานมีการแข่งขันกันสูงมาก เพราะทุกองค์กรทำทุกอย่างเพื่อดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถระดับสูงไว้ ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับหลายองค์กร ด้วยปัญหานี้ต้องทำให้ย้อนกลับมานึกถึงคำว่า (EVP)

EVP เป็นคำตอบของคำถามที่ว่า “ทำไมใครสักคนควรทำงานให้กับบริษัทของคุณแทนที่จะไปทำงานที่อื่น?” สิ่งนี้ช่วยกำหนดแก่นแท้ของบริษัทว่าอะไรคือสิ่งที่องค์กรยึดถือ ให้คุณค่า และมอบให้กับพนักงาน EVP ที่ได้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีจะช่วยให้องค์กรของคุณแตกต่างจากคู่แข่ง ทำให้บริษัทเป็นสถานที่ทำงานที่น่าดึงดูดใจสำหรับว่าที่พนักงานคนใหม่ และในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความภักดีและความพึงพอใจในกลุ่มพนักงานปัจจุบันด้วย

 เป็นเหมือนตัวการสำคัญและเป็นที่มาของแนวคิดเรื่องคุณค่าของพนักงาน นั้นคือสิทธิประโยชน์ ค่านิยม และโอกาสที่องค์กรมอบให้กับพนักงานเพื่อแลกกับทักษะ ประสบการณ์ ที่เขามี เพื่อนำกลับมาปรับใช้พัฒนา สร้างสรรค์สินค้าและบริการออกมาสู้ผู้บริโภค ผลงานของพวกเขาเปรียบเสมือนแพ็คเกจที่ครอบคลุมซึ่งประกอบด้วย องค์ประกอบที่จับต้องได้ เช่น เงินเดือน ผลประโยชน์ และโอกาสในการพัฒนาอาชีพ ตลอดจนแง่มุมที่จับต้องไม่ได้ เช่น วัฒนธรรมองค์กร ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานและความรู้สึกถึงจุดมุ่งหมาย

โดยพื้นฐานแล้ว EVP จะเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า "เพราะเหตุใดจึงต้องมีคนมาทำงานให้กับบริษัทของคุณ แทนที่จะทำงานที่บริษัทอื่น" โดยตรงนี้จะเป็นตัวกำหนดแก่นแท้ของบริษัทของคุณ โดยย่อมาจากอะไร มีคุณค่าอะไรและเสนออะไรให้กับพนักงาน

EVP ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีสามารถสร้างความแตกต่างให้กับองค์กรของคุณจากคู่แข่ง ทำให้เป็นสถานที่ทำงานที่น่าสนใจยิ่งขึ้น สำหรับผู้มีโอกาสเป็นพนักงาน ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความรู้สึกดีและความพึงพอใจในหมู่พนักงานปัจจุบันด้วย


ทำไมบริษัทควรมี EVP ที่แข็งแกร่ง?

การมี EVP ที่แข็งแกร่งไม่ใช่แค่การมีดีเท่านั้น มันคือความจำเป็นเชิงกลยุทธ์สำหรับองค์กรที่มุ่งหวังที่จะเติบโตในมุมมองของแรงงานยุคใหม่

ต่อไปนี้เป็นเหตุผลที่น่าสนใจ ว่าทำไมบริษัทของคุณ ควรลงทุนในการพัฒนา EVP ให้แข็งแกร่ง

1. การดึงดูดผู้ที่มีความสามารถระดับสูง: ในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันกันสูง EVP ที่แข็งแกร่งจะทำหน้าที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้สมัครที่มีความสามารถ เป็นเหตุผลที่ชัดเจนและน่าสนใจสำหรับผู้มีโอกาสเป็นพนักงานในการเลือกบริษัทของคุณมากกว่า ผู้อื่น เมื่อผู้สมัครเห็นว่าองค์กรของคุณมอบสิทธิประโยชน์ที่เป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรมที่สนับสนุน และโอกาสในการเติบโต พวกเขามีแนวโน้มที่จะสมัครและเข้าร่วมทีมของคุณมากขึ้น

2. การรักษาพนักงาน: การรักษาพนักงานถือเป็นข้อกังวลที่สำคัญสำหรับหลายๆองค์กร EVP ที่กำหนดไว้อย่างดีสามารถช่วยลดอัตราการลาออกได้โดยทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและพึงพอใจ เมื่อพนักงานสอดคล้องกับ EVP พวกเขามีแนวโน้มที่จะยังคงมุ่งมั่นต่อองค์กรมากขึ้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนและการหยุดชะงักที่เกี่ยวข้องกับการลาออกได้ด้วย

3. การเสริมสร้างแบรนด์นายจ้าง: EVP ของคุณเป็นองค์ประกอบสำคัญของแบรนด์นายจ้าง
และ EVP ที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มชื่อเสียงของคุณ ในฐานะนายจ้างที่คุณเลือก โดยส่งผลเชิงบวกต่อการรับรู้ของพนักงานในปัจจุบันและในอนาคต ชื่อเสียงนี้สามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างแบรนด์ และเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งซึ่งดึงดูดผู้มีความสามารถระดับสูง

4. การเพิ่มความผูกพันของพนักงาน: พนักงานที่เข้าใจและเห็นคุณค่าที่พวกเขาได้รับจากนายจ้าง มีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น EVP ที่แข็งแกร่งจะส่งเสริมความรู้สึกแรงจูงใจ นำไปสู่การมีส่วนร่วมที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานและความสำเร็จขององค์กร

5.สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท: ผู้นำที่ชัดเจนและมีการสื่อสารที่ดีจะทำให้มั่นใจได้ว่าค่านิยมและเป้าหมายขององค์กรสอดคล้องกับค่านิยมและเป้าหมายของพนักงาน ความสอดตล้องนี้จะสร้างพนักงานที่เหนียวแน่นและมีแรงบันดาลใจ ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จค์เชิงกลยุทธ์ และสร้างความมั่นใจว่าทุกคนทำงานไปสู่วิสัยทัศน์เดียวกัน

เราสามารถช่วยให้คุณสร้าง EVP ที่แข็งแกร่งได้

ที่ WorkVenture เราเข้าใจดีว่า EVP ที่แข็งแกร่งมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ เราเชี่ยวชาญในการช่วยบริษัทต่างๆ สร้างสรรค์และเสริมความแข็งแกร่งให้กับ EVP ของพวกเขาผ่านแนวทางที่ครอบคลุมและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล นี่คือวิธีที่เราสามารถสนับสนุนคุณได้:

  1. แบบสํารวจ People Success Index™ Engagement: เครื่องมือสํารวจความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานที่พัฒนาโดยเรา ช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของพนักงาน ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับจุดแข็งและโอกาสในการพัฒนา เครื่องมือนี้จะช่วยให้ EVP ของคุณสอดคล้องกับความต้องการของพนักงาน ทำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  2. โซลูชันที่ปรับแต่งตามความต้องการ: เราเชื่อว่าทุกบริษัทมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว EVP ของคุณจึงควรสะท้อนถึงวัฒนธรรม ค่านิยม และเป้าหมายที่เป็นเอกลักษณ์ ทีมงานของเราจะทำงานร่วมกับคุณอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับแต่ง EVP ของคุณ เพื่อให้มั่นใจว่า EVP นั้นสะท้อนถึงสิ่งที่ทำให้บริษัทของคุณเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยม

  3. บริการสร้างภาพลักษณ์นายจ้าง (Employer Branding): เพื่อสื่อสาร EVP ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ เรานำเสนอโซลูชันการสร้างภาพลักษณ์นายจ้างที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการสร้างวิดีโอที่น่าสนใจ การถ่ายภาพสำนักงานแบบมืออาชีพ และการทำกรณีศึกษาที่น่าประทับใจ เพื่อแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมองค์กรและประโยชน์ของการทำงานในบริษัทของคุณ

  4. การรับรองและการยอมรับ: การได้รับการรับรองว่าเป็นหนึ่งใน Best Places to Work™ เป็นวิธีที่ทรงพลังในการได้รับการยอมรับสำหรับการสร้างสถานที่ทำงานที่ดี เราช่วยคุณผ่านกระบวนการรับรองนี้ โดยมอบเครื่องมือและการสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อให้ผ่านเกณฑ์และได้รับการรับรองอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งจะเป็นการยืนยันถึง EVP ของคุณ ทำให้บริษัทของคุณเป็นที่น่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้หางาน

  5. การเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงเชิงกลยุทธ์: จากข้อมูลการสำรวจและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม ผู้เชี่ยวชาญของเราจะให้คำแนะนำที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ เพื่อเสริมสร้าง EVP ของคุณ เราแนะนำคุณในการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงแพ็คเกจสวัสดิการ การเสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาอาชีพ หรือการสร้างวัฒนธรรมที่มีความครอบคลุมมากขึ้น

  6. ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล: ด้วยการใช้ข้อมูลและเกณฑ์มาตรฐานในอุตสาหกรรมที่กว้างขวางของเรา เราจะมอบข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ที่ช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ EVP ของคุณ วิธีการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้จะช่วยให้ EVP ของคุณไม่เพียงแต่มีเสน่ห์ดึงดูดเท่านั้น แต่ยังมีรากฐานที่แข็งแกร่งจากหลักฐานในโลกจริงและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด

ด้วยความร่วมมือกับ WorkVenture บริษัทของคุณจะพร้อมที่จะพัฒนา Employee Value Proposition ที่แข็งแกร่งและมีเสน่ห์ ซึ่งดึงดูด รักษา และสร้างความผูกพันให้กับพนักงานที่มีความสามารถสูง ความเชี่ยวชาญและโซลูชันที่ปรับแต่งของเราจะทําให้ EVP ของคุณสะท้อนถึงคุณค่าที่แท้จริงของการทำงานในองค์กรของคุณ ขับเคลื่อนความพึงพอใจของพนักงานและความสำเร็จทางธุรกิจ





















อ่านเพิ่มเติม
ศิริมะ ภักดีดีบํารุง ศิริมะ ภักดีดีบํารุง

4 เทรนด์วัฒนธรรมองค์กร เพื่อสร้างสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมในปี 2024 ที่ทุกบริษัทควรจับตามอง

นี่คือสิ่งที่ทุกบริษัทควรเตรียมพร้อมสำหรับในปีหน้า เพื่อสร้างสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยม ที่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้

สำหรับบริษัทที่พยายามสร้างวัฒนธรรมในที่ทำงาน ที่ยอดเยี่ยม ในปี 2024 เป็นปีที่มีความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง

(AI) กำลังเปลี่ยนแปลงที่ทำงานและพนักงานต่างเรียกร้องการฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องมือเพื่อก้าวล้ำนำหน้าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ที่จะแบ่งแยกเราในขณะที่บริษัทต้องการความร่วมมือในการแก้ปัญหาใหญ่ๆ ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมกำลังเพิ่มขึ้น และความพยายามในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมของโลกจะส่งผลกระทบต่อทุกบริษัท

ด้วยความท้าทายเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามีพนักงานมากกว่าหนึ่งในสี่ที่พร้อมจะลาออกจากงานปัจจุบัน


วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาบุคลากรของคุณไว้?
สร้างสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมที่ทุกคนมีประสบการณ์ที่ดีอย่างสม่ำเสมอ

การสำรวจของ Best Place To Work แสดงให้เห็นว่า บริษัท ไม่ใช่อุตสาหกรรมที่กำหนดว่าพนักงานรู้สึกอย่างไรในที่ทำงาน ไม่ใช่ขนาดและพื้นที่ของบริษัทด้วยเช่นกัน องค์ประกอบสำคัญคือความไว้วางใจของพนักงาน ซึ่งผู้นำควรสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพนักงานในทุกประเภทงานและทุกระดับบทบาท ทำให้พนักงานรู้สึกภาคภูมิใจในงานที่ทำ และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับคนที่ทำงานด้วย


1. ทำให้ความไว้วางใจเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรของคุณ
ความไว้วางใจไม่เคยมีค่ามากไปกว่านี้ และอีกปีข้างหน้าจะทำให้ความไว้วางใจทำยากขึ้นที่จะได้รับการยอมรับ เพราะการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ และการเปลี่ยนแปลงของระบบข้อมูลดิจิทัลหลายโปรแกรม ทำให้เกิดการบังคับให้ผู้ใช้งานต้องตั้งคำถามมากขึ้น “เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ความไว้วางใจจะมีค่ามากกว่าปี 2023 ถึง 10 เท่า บริษัทต้องพิสูจน์ว่าพวกเขากำลังทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้องค์กรดีขึ้น นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้อย่างมีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม และสามารถเชื่อถือได้ในการใช้ประโยชน์จากอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นอย่างโปร่งใสและมีจริยธรรม ไม่เพียงแต่ความไว้วางใจจะมีความสำคัญในปัจจุบัน แต่พนักงานจะตั้งคำถามว่าพวกเขาสามารถไว้วางใจบริษัทได้ในปีข้างหน้าได้อีกหรือไม่ เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเป็นอย่างมาก

2. หาวิธีเพิ่มเติมในการสนับสนุนและปรับปรุงสุขภาพจิตสำหรับพนักงานทุกคน
จากการสํารวจในปี 2023 ของพนักงาน โดย Best Place To Work Survey พบว่าสุขภาพจิตของพนักงานในสถานที่ทํางานทั่วไปในไทยไม่ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานที่ทํางานที่ได้รับการรับรองจาก Best Place To Work Certified™ มีผลการดําเนินงานที่ดีกว่าเกณฑ์มาตรฐานนี้ โดย 83% ของพนักงานรายงานว่าสภาพแวดล้อมการทํางานมีสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดี มีเพียง 55% ของพนักงานในสถานที่ทํางานทั่วไปในไทย ที่พูดเช่นเดียวกัน ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างสถานที่ทํางานที่ยอดเยี่ยมและค่าเฉลี่ย คือ ความยุติธรรม พนักงานในสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมมีแนวโน้มที่จะได้รับส่วนแบ่งผลกำไรของบริษัทที่ยุติธรรม มีโอกาสเลื่อนตำแหน่งอย่างยุติธรรม และได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมจากผู้นำของพวกเขามากกว่า บริษัทที่ต้องการปรับปรุงสุขภาพจิตสำหรับพนักงานทุกคนจะต้องสืบสวนหาสาเหตุเชิงโครงสร้างของความเหนื่อยล้าและความอ่อนเพลียทั่วทั้งองค์กร และเปลี่ยนความคิดเห็นของพนักงานเป็นการดำเนินการที่ชัดเจน

3. เตรียมพร้อมสำหรับการเมืองที่วุ่นวาย
แบบสำรวจอพบว่า 45% ของคนไทย รายงานว่าพวกเขาเผชิญกับความขัดแย้งทางการเมืองในที่ทำงานด้วยตนเอง มีเพียง 8% ขององค์กรที่สื่อสารแนวทางให้พนักงานเกี่ยวกับการอภิปรายทางการเมืองในองค์กร ตามการศึกษาดังกล่าวต้นทุนของความสุภาพที่ลดลงในที่ทำงานคืออะไร? ผลผลิตที่สูญเสียไปสถานที่ทํางานที่ยอดเยี่ยมคืออะไร Best Place To Work ให้เหตุผลที่ดีจาการสํารวจการรับฟังความคิดเห็นของพนักงานที่แข็งแกร่ง

คุณต้องสำรวจพนักงาน และคุณต้องหาวิธีการที่เป็นระบบและวัดผลได้เพื่อรับฟังเสียงของพวกเขา เพื่อตรวจสอบความรู้สึกของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการทำคือสร้างการสำรวจแบบสอบถามความพึงพอใจของพนักงานในองค์กร เพื่อให้ทุกคนได้แบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้ผู้นำองค์กรได้ทราบ

4. เพิ่มความมุ่งเน้นในการรักษาพนักงาน การพัฒนาทักษะ และการพัฒนาบุคลากร
ในขณะที่การหาบุคลากรที่มีทักษะที่เหมาะสมเป็นเรื่องยากขึ้น นายจ้างจะต้องลงทุนในการพัฒนาบุคลากรภายในที่พวกเขาต้องการมากขึ้น แม้ในขณะที่บริษัทกำลังลดจำนวนพนักงาน พวกเขาก็ต้องการคนที่มีทักษะเพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป



การมุ่งเน้นในการสรรหาบุคลากรเปลี่ยนไปสู่การพัฒนาและพัฒนาทักษะใหม่ให้กับพนักงานที่คุณมีอยู่แล้ว แม้ว่าภาพเทคโนโลยีจะก้าวล้ำไปมาก ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่คาดการณ์ไว้ในต้นปี 2023 ผู้นำองค์กรยังคงระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ช่องว่างด้านทักษะยังคงเป็นปัญหาใหญ่ โดย 26% ของผู้นำองค์กร จัดอันดับการขาดแคลนบุคลากรเป็น “ปัจจัยที่สร้างความเสียหาย” อันดับต้นๆ ต่อมุมมององค์กรธุรกิจของพวกเขา


























อ่านเพิ่มเติม
เจพี เจพี

ประโยชน์ของการสํารวจการมีส่วนร่วม: ปลดล็อกศักยภาพในที่ทํางาน

เคยสงสัยไหมว่าทําไมบางทีมถึงบดขยี้มันในขณะที่บางทีมต้องดิ้นรน?

ความลับอาจอยู่ที่การมีส่วนร่วมของพนักงานของคุณ

มาพูดคุยเกี่ยวกับประโยชน์ของแบบสํารวจการมีส่วนร่วมและเหตุใดแบบสํารวจการมีส่วนร่วมจึงสามารถเป็นตัวเปลี่ยนเกมสําหรับองค์กรของคุณ

แบบสํารวจการมีส่วนร่วมคืออะไร?

คิดว่าเป็นการตรวจสุขภาพสําหรับวัฒนธรรมของบริษัทของคุณ

เป็นเครื่องมือที่:

  • วัดความรู้สึกของพนักงานที่เชื่อมโยงกับงานของตน

  • วัดขวัญกําลังใจของทีม

  • ระบุสิ่งที่ใช้ได้ผลและสิ่งที่ไม่ได้ผล

ทําไมต้องกังวลกับแบบสํารวจการมีส่วนร่วม?

1. พนักงานที่มีความสุข = โรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิผล

เคยสังเกตไหมว่าบางทีมดูเหมือนจะบดขยี้เป้าหมายของพวกเขาอย่างง่ายดายหรือไม่? มีโอกาสที่พวกเขาจะหมั้น การศึกษาแสดงให้เห็นว่าพนักงานที่มีส่วนร่วมมีประสิทธิผลมากกว่า 21% แต่ไม่ใช่แค่ตัวเลขเท่านั้น คนเหล่านี้ใช้เวลาป่วยน้อยลง อยู่ได้นานขึ้น และมักจะทําเกินกว่ารายละเอียดงานของพวกเขา

ฉันเคยทํางานกับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่เห็นเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลดลงครึ่งหนึ่งหลังจากที่พวกเขาแก้ไขปัญหาที่เน้นในแบบสํารวจการมีส่วนร่วม ทีมงานไม่เพียงแต่มีความสุขมากขึ้น แต่พวกเขายังลุกเป็นไฟด้วยนวัตกรรม

2. ระบบเตือนภัยล่วงหน้าของคุณ

ลองนึกถึงแบบสํารวจการมีส่วนร่วมเป็นเครื่องตรวจจับควันไฟของธุรกิจของคุณ พวกเขาช่วยให้คุณระบุปัญหาก่อนที่จะกลายเป็นไฟไหม้สัญญาณเตือนห้าครั้ง

ตัวอย่างเช่น คุณอาจพบว่าทีมขายของคุณรู้สึกว่าไม่พร้อมที่จะจัดการกับคําถามของลูกค้า แก้ไขปัญหานี้ตั้งแต่เนิ่นๆ และคุณเพิ่งป้องกันไม่ให้ยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้าลดลง

หรือบางทีแผนกไอทีของคุณอาจแสดงสัญญาณของความเหนื่อยหน่าย จับสิ่งนี้ในแบบสํารวจ และคุณสามารถก้าวเข้ามาได้ก่อนที่คุณจะสูญเสียความสามารถหลักหรือเผชิญกับความล้มเหลวของระบบครั้งใหญ่

3. การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล: ไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไป

ในธุรกิจ ความรู้สึกในสัญชาตญาณจะทําให้คุณไปได้ไกลเท่านั้น แบบสํารวจการมีส่วนร่วมให้ข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อสํารองการตัดสินใจของคุณ

ลองนึกภาพว่าคุณกําลังพิจารณาใช้นโยบายการทํางานที่ยืดหยุ่น แบบสํารวจการมีส่วนร่วมสามารถบอกคุณได้ว่า:

  • มีพนักงานกี่คนที่ต้องการสิ่งนี้จริงๆ

  • แผนกใดจะได้รับประโยชน์มากที่สุด

  • ทีมของคุณกังวลอะไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง

ตอนนี้คุณสามารถปรับแต่งนโยบายของคุณให้เข้ากับสิ่งที่ทีมของคุณต้องการจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดว่าพวกเขาอาจต้องการ

4. การรักษา: เก็บผู้เล่น A ของคุณ

การสูญเสียพรสวรรค์ชั้นยอดนั้นเจ็บปวด มีราคาแพง ก่อกวน และอาจทําลายขวัญกําลังใจของทีมได้ แบบสํารวจการมีส่วนร่วมช่วยให้คุณเข้าใจว่าเหตุใดผู้คนจึงอยู่ต่อ และเหตุใดพวกเขาจึงอาจลาออก

บริษัทผู้ผลิตแห่งหนึ่งที่ฉันทํางานด้วยค้นพบจากการสํารวจว่าวิศวกรที่ดีที่สุดของพวกเขารู้สึกไม่ถูกท้าทาย พวกเขาใช้โปรแกรมหมุนเวียน เพื่อให้ผู้ที่มีประสิทธิภาพสูงเหล่านี้ได้สัมผัสกับโครงการต่างๆ ผล การหมุนเวียนลดลง 40% ในทีมวิศวกรของพวกเขา

5. วัฒนธรรม: สร้างสิ่งที่พิเศษ

วัฒนธรรมองค์กรไม่ใช่แค่การมีโต๊ะปิงปองในห้องพักผ่อนเท่านั้น มันเกี่ยวกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้คนเติบโต แบบสํารวจการมีส่วนร่วมช่วยให้คุณทราบวัฒนธรรมของคุณแบบเรียลไทม์

ค่านิยมของบริษัทของคุณถูกดําเนินชีวิตในแต่ละวันจริงหรือไม่? ผู้คนรู้สึกปลอดภัยในการพูดด้วยแนวคิดใหม่ๆ หรือไม่? แบบสํารวจของคุณจะบอกคุณ

6. ความพึงพอใจของลูกค้า: ผลกระทบระลอกคลื่น

นี่คือระเบิดความจริง: พนักงานที่มีความสุขทําให้ลูกค้ามีความสุข แบบสํารวจการมีส่วนร่วมสามารถเน้นประเด็นภายในที่อาจส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของลูกค้าของคุณ

เครือข่ายค้าปลีกรายหนึ่งพบว่าคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าเชื่อมโยงโดยตรงกับระดับการมีส่วนร่วมของพนักงานในแต่ละร้านค้า ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการมีส่วนร่วม พวกเขาเห็นคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น 15% ภายในหกเดือน

7. เครื่องยนต์นวัตกรรม

ต้องการนําหน้าคู่แข่งหรือไม่? คุณต้องการนวัตกรรม คุณต้องมีพนักงานที่มีส่วนร่วมซึ่งรู้สึกปลอดภัยในการแบ่งปันความคิดของพวกเขา

แบบสํารวจการมีส่วนร่วมสามารถช่วยคุณระบุอุปสรรคต่อความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรของคุณ ผู้คนกลัวที่จะพูดหรือไม่? พวกเขารู้สึกว่าความคิดของพวกเขาได้รับการรับฟังหรือไม่? เมื่อคุณรู้แล้ว คุณก็สามารถลงมือทําได้

8. วัดสิ่งที่สําคัญ

สุดท้าย แบบสํารวจการมีส่วนร่วมช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบและติดตามความคืบหน้าเมื่อเวลาผ่านไป คุณไม่สามารถปรับปรุงสิ่งที่คุณไม่ได้วัดได้

กําหนดพื้นฐาน ติดตามการปรับปรุง และเปรียบเทียบตัวเองกับมาตรฐานอุตสาหกรรม มันเหมือนกับตัวติดตามฟิตเนสเพื่อสุขภาพขององค์กรของคุณ

โปรดจําไว้ว่าพลังที่แท้จริงของแบบสํารวจการมีส่วนร่วมไม่ได้อยู่ที่การรวบรวมข้อมูล แต่อยู่ที่การดําเนินการที่คุณทําในภายหลัง เมื่อคุณตรวจสอบกับทีมของคุณเป็นประจําและดําเนินการตามคําติชมของพวกเขา คุณไม่เพียงแต่ปรับปรุงการมีส่วนร่วมเท่านั้น คุณกําลังสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง ยืดหยุ่น และประสบความสําเร็จมากขึ้น

ประโยชน์ที่แท้จริงของการสํารวจการมีส่วนร่วม

มาแจกแจงกัน:

1. เพิ่มผลผลิต

พนักงานที่มีส่วนร่วมไม่เพียงแต่มีความสุข แต่ยังเป็นโรงไฟฟ้า

  • พวกเขาก้าวไปอีกขั้น

  • พวกเขาคิดไอเดียนักฆ่า

  • พวกเขาทําให้ลูกค้าของคุณมีความสุขมากขึ้น

ฉันเคยทํางานกับบริษัทแห่งหนึ่งที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 15% หลังจากแก้ไขปัญหาที่พบในแบบสํารวจของพวกเขา

2. ลดการหมุนเวียน

การเปลี่ยนพนักงานมีราคาแพงและใช้เวลานาน

แบบสํารวจการมีส่วนร่วมช่วยให้คุณ:

  • ระบุสาเหตุที่ผู้คนอาจลาออก

  • แก้ไขปัญหาเหล่านั้น

  • รักษาความสามารถระดับสูงของคุณไว้

3. ปรับปรุงการสื่อสาร

แบบสํารวจเปิดบทสนทนา

  • พนักงานรู้สึกได้ยิน

  • ผู้จัดการเข้าใจทีมของตนมากขึ้น

  • ทุกคนเข้าใจตรงกัน

4. ขับเคลื่อนนวัตกรรม

พนักงานที่มีส่วนร่วมคิดนอกกรอบ

  • พวกเขาไม่กลัวที่จะแบ่งปันความคิด

  • พวกเขาเสี่ยงอย่างชาญฉลาด

  • พวกเขาผลักดันบริษัทไปข้างหน้า

5. เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร

วัฒนธรรมที่แข็งแกร่งเปรียบเสมือนแม่เหล็กดึงดูดผู้มีความสามารถระดับสูง

แบบสํารวจช่วยคุณ:

  • สร้างวัฒนธรรมที่ผู้คนต้องการเป็นส่วนหนึ่ง

  • สร้างสภาพแวดล้อมการทํางานที่ดี

  • มาเป็นนายจ้างที่เลือก

วิธีเพิ่มประโยชน์สูงสุดของการสํารวจการมีส่วนร่วม

การได้รับประโยชน์สูงสุดจากแบบสํารวจของคุณไม่ใช่วิทยาศาสตร์จรวด:

  1. ถามคําถามที่ถูกต้อง

    • มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สําคัญต่อบุคลากรของคุณ

    • ทําให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมของคุณ

  2. ดําเนินการตามผลลัพธ์

    • อย่าเพิ่งรวบรวมข้อมูล - ใช้มัน

    • แสดงให้ทีมของคุณเห็นว่าความคิดเห็นของพวกเขามีความสําคัญ

  3. ทําให้เป็นปกติ

    • แบบสํารวจครั้งเดียวไม่ได้ตัดมัน

    • ตั้งเป้าอย่างน้อยปีละครั้ง

  4. ไม่เปิดเผยตัวตน

    • ผู้คนซื่อสัตย์มากขึ้นเมื่อรู้สึกปลอดภัย

    • ปกป้องข้อมูลประจําตัวเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกที่แท้จริง

  5. สื่อสารอย่างชัดเจน

    • อธิบายเหตุผลที่คุณทําแบบสํารวจ

    • แบ่งปันผลลัพธ์และแผนปฏิบัติการ

คําถามที่พบบ่อย: ตอบคําถามที่ร้อนแรงของคุณแล้ว

ถาม: เราควรทําแบบสํารวจการมีส่วนร่วมบ่อยแค่ไหน ตอบ: ตั้งเป้าไว้ปีละครั้งหรือสองครั้ง บางบริษัททําการสํารวจชีพจรอย่างรวดเร็วทุกเดือน

ถาม: แบบสํารวจแบบไม่ระบุตัวตนดีกว่าจริงหรือ? ตอบ: โดยปกติแล้วใช่ พวกเขาส่งเสริมความซื่อสัตย์และปกป้องพนักงานจากความกลัวการตอบโต้

ถาม: จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราได้รับข้อเสนอแนะเชิงลบ ตอบ: มองว่าเป็นโอกาส เป็นการดีกว่าที่จะทราบเกี่ยวกับปัญหาเพื่อให้คุณสามารถแก้ไขได้

ถาม: ธุรกิจขนาดเล็กจะได้รับประโยชน์จากแบบสํารวจการมีส่วนร่วมหรือไม่ ตอบ: แน่นอน ทุกบริษัทโดยไม่คํานึงถึงขนาดสามารถปรับปรุงได้โดยการรับฟังพนักงานของตน


ประโยชน์ของการสํารวจการมีส่วนร่วมนั้นชัดเจน

พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือขององค์กร แต่เป็นเส้นทางสู่สถานที่ทํางานที่ดีขึ้น

เริ่มรับฟังทีมของคุณและดูธุรกิจของคุณเปลี่ยนแปลงไป

โปรดจําไว้ว่าพนักงานที่มีส่วนร่วมไม่เพียงแต่มีความสุข แต่ยังเป็นอาวุธลับสู่ความสําเร็จของคุณ

อ่านเพิ่มเติม
ศิริมะ ภักดีดีบํารุง ศิริมะ ภักดีดีบํารุง

4 วิธีการค้นพบและเห็นคุณค่าของคนทำงานที่ความสุขให้กับพนักงานได้

การขอบคุณและการเห็นคุณค่าของพนักงาน เป็นหนึ่งสิ่งที่ผู้นำที่ประสบความสำเร็จควรที่จะทำ - การกำหนดให้ผู้นำต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญ และให้คุณค่ากับบุคลากรในองค์กร เพื่อให้รับรู้ถึงความพยายามของพวกเขาด้วยวิธีที่วัดผลได้อย่างสร้างสรรค์

หลายองค์กรมีวัฒนธรรมที่ยกย่องพนักงาน หรือมีรางวัลที่มอบให้กับพนักงานที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมเดือนละครั้ง  อย่างไรก็ตาม องค์กรที่ดีไม่ควรยกย่องพนักงานเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ควรทำให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคน ได้รับการขอบคุณและการมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมองค์กรเหล่านี้ด้วย เพราะการกระทำเล็กๆ น้อยๆ แต่มีผลลัพธ์ นั้นมีความหมายมากกว่าการตอบรับที่ล่าช้าและดูซับซ้อน

นี้คือตัวอย่างวิธีที่ Best Places to Work™ ทำให้การขอบคุณและการเห็นคุณค่าของคนทำงานมีความหมายมากยิ่งขึ้น และสร้างความไว้วางใจให้กับพนักงานทุกคนอีกด้วย

1. จัดการกับอุปสรรคเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม
จัดการกับความไม่เท่าเทียมและความลำเอียงในที่ทำงาน เช่น การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ เพศ อายุ หรือศาสนา ส่งเสริมความหลากหลายและการยอมรับในทุกระดับ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนในองค์กรได้รับการยอมรับและถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ทำให้องค์กรมีสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรม เปิดกว้างและส่งเสริมการยอมรับในคุณค่าและความสามารถของพนักงานทุกคน

2.ทำให้การเห็นคุณค่าคนทำงานเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในองค์กร
การยอมรับไม่ควรกลายเป็นเรื่องที่ทำไปตามหน้าที่ แต่ควรเป็นวัฒนธรรมและไม่ควรถูกจำกัดไว้เพียงไม่กี่วันในหนึ่งปี ในแบบสํารวจ Best Place to Work™ จาก 74 คำถาม จะช่วยชี้ให้เห็นว่าควรเพิ่มวัฒนธรรมในการให้คุณค่าของการทำงานกับพนักงานอย่างไรบ้าง 

3.มีการวัดผลอย่างเป็นระบบและเป้าหมายที่ชัดเจน
กรณีศึกษาจากการ Survey ของ Best Place to Work™ สำหรับบริษัทที่รับการเข้าร่วมแบบสํารวจออนไลน์ จะทราบทันทีหลังจากจบการสำรวจเพียงสองสัปดาห์ ถึงผลลัพธ์ของแบบสำรวจนี้ สามารถมองเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพราะแบบสํารวจนี้ ช่วยให้รับรู้และเข้าใจถึงความพึงพอใจของพนักงาน แรงจูงใจและเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กรกับพนักงาน และทำให้เกิดการยอมรับในผู้นำขององค์กรหากแบบสํารวจนั้นได้คะแนนมากกว่า 60% องค์กรของคุณจะมีสิทธิ์ได้รับการรับรอง Best Place to Work™Certificate ทําให้บุคคลภายนอกรู้ว่าคุณคือองค์กรที่ยอดเยี่ยมในการทํางาน และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่หน้าร่วมงานด้วยมากที่สุดในประเทศไทย

4.เปิดโอกาสให้เกิดการยอมรับในทุกระดับ
การให้พนักงานจากทุกรุ่นมีส่วนร่วมในข้อเสนอแนะและเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจะส่งผลให้สภาพแวดล้อมการทํางานมีความสุขและสร้างสรรค์งานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งผู้นำในองค์กรต้องทำให้การยอมรับนี้ เป็นวัฒนธรรมที่ตรงไปตรงมา แล้วสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพื่มความสำคัญของการเห็นคุณค่าคนทำงานในองค์กรได้ดียิ่งขึ้น


สร้างประสบการณ์ในการทำงานที่ดี พร้อมเปิดโอกาสให้พนักงาน
มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และขับเคลื่อนองค์กรให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อองค์กรและพนักงานด้วย People Success Index แบบสํารวจความคิดเห็นพนักงานของเรา

หากต้องการรู้ว่าองค์กรของคุณมีอุปสรรคใดบ้างที่ทำให้พนักงานของคุณรู้สึกว่า ไม่ได้รับการยอมรับ WorkVenture มี แบบสํารวจที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนําด้วย People Success Index. นี้ช่วยให้สามารถรับรู้ถึงช่องว่างที่มีอยู่ การได้รับฟังเสียงของพนักงานนั้น จะทำให้องค์กรสามารถปรับปรุงเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจากบุคลากรของคุณอีกด้วย 





อ่านเพิ่มเติม